ReadyPlanet.com
dot dot
Japan Guide
dot
dot
dot

dot
dot
อยากไปไหนบอก!!!
dot
dot
ทัวร์ญี่ปุ่น (เลือกเส้นทาง)
dot
bulletPROMOTION >>เหมา15ท่าน
bulletHOKKAIDO >>ฮอกไกโด
bulletTOHOKU >>เซนได-นิกโก้
bulletKANTO >>โตเกียว-ฟูจิ
bulletTAKAYAMA >>ทาคายาม่า
bulletGOLDEN ROUTE >>โอซาก้า
bulletKYUSHU >>คิวชู
dot
เราบริการท่านอย่างไร?
dot
bulletให้ใครบริการท่านที่ญี่ปุ่น
bulletให้ท่านพักแบบไหนที่ญี่ปุ่น
bulletให้ท่านทานอะไรที่ญี่ปุ่น
bulletให้ท่านนั่งรถแบบไหนที่ญี่ปุ่น
bulletบริการก่อนเดินทาง
dot
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
dot
bulletวีซ่าญี่ปุ่น
bulletอัตราแลกเปลี่ยน
bulletหนังสือเดินทาง
bulletสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น
bulletศูนย์รับยื่นขอวีซ่า
bulletตรวจสอบสภาพอากาศ
bulletเตรียมตัวเดินทางไปญี่ปุ่น
bulletส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น JNTO
dot
แนะนำสถานที่เที่ยวน่าสนใจ
dot
bulletภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido)
bulletภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku)
bulletภูมิภาคคันโต (Kanto)
bulletภูมิภาคชุบุ (Chubu)
bulletภูมิภาคคันไซ (Kansai)
bulletภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku)
bulletภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku)
bulletภูมิภาคคิวชู (Kyushu)
bulletภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa)
dot
แบนเนอร์สำคัญ
dot




ภูมิภาคชุบุ (Chubu)

# รวมข้อมูลการท่องเที่ยว ฮอกไกโด(Hokkaido) #

ภูมิภาคชุบุ(Chubu) – มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่มากมายอยู่ติดกับภูมิภาคคันโต(Kanto)และภูมิภาคคันไซ(Kansai)มีเทือกเขาสูงชันทำให้เกิดสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันมากในภูมิภาคนี้ เช่นส่วนที่ติดกับทะเลจะอบอุ่นแต่ในเทือกเขากลับมีหิมะหนาสูง 5 เมตร ประกอบไปด้วย 9 จังหวัดย่อย มีเมืองนาโงยะ(Nagoya)เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ธรรมชาติ ภูเขา ทะเล ไปจนถึงวัฒนธรรมและเทคโนโลยี สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เช่น เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น ที่มีกำแพงหิมะหรือสโนว์วอลหนาสูงถึง 5 เมตร, ปราสาทมัตสึโมโต้ที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม, หมู่บ้านหลังคาโบราณชิราคาวะโกะ, สกีรีสอร์ท, ชายหาด และเมืองออนเซนอีกมากมาย ทำให้ชุบุสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปีเลย 

 

ทะเลสาบคาวากูจิโกะ(Lake Kawaguchiko) เป็นทะเลสาบที่เดินทางไปถึงได้ง่ายที่สุดในบรรดา 5 ทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งมีการเชื่อมต่อจากโตเกียวด้วยรถไฟ และรถบัส พื้นที่บริเวณชายฝั่งทิศตะวันออกของทะเลสาบเป็นที่พัก และออนเซนที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระจำนวนมากเบ่งบานประมาณกลางเดือนเมษายน และฤดูใบไม้ร่วงประมาณครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤศจิกายนใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลืองสลับกัน ถือได้ว่าเป็นมุมบันทึกภาพความประทับใจเมื่อได้มาญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

 

ศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน(Fujisan Sengen Shrine) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฐานภูเขาไฟฟูจิ มีอายุกว่า 1,000 ปี นับว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของภูมิภาค ช่วงต้นปี 1600 โครงสร้างเดิมถูกทำลายลงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เหลือไว้เพียงศาลเจ้าชั้นใน ศาลเจ้าชั้นนอก และประตูหอคอย ศาลเจ้าชั้นในมีโครงสร้างเป็นเอกลักษณ์ 2 ชั้น ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมเซนเงน บริเวณรอบๆศาลเจ้าเต็มไปด้วยต้นซากุระกว่า 500 ต้น ซึ่งจะบานในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน และมีเส้นทางที่ใช้สำหรับเทศกาลขี่ม้ายิงธนูที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ 5 พฤษภาคม นอกจากนี้ยังมีพิธีใหญ่เปิด-ปิดฤดูกาลปีนภูเขาไฟฟูจิในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และต้นเดือนกันยายน จากศาลเจ้าแห่งนี้มีเส้นทางการปีนเขาไปสู่ยอดเขา แต่นักปีนเขาส่วนใหญ่จะเริ่มปีนจาก Fujinomiya 5th Station ปีนขึ้นไปประมาณ 6-12 ชั่วโมง ยอดเขาเป็นที่ตั้งของโอคุมิยะ(Okumiya) พื้นที่ด้านในสุดของศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน ครอบคลุมปล่องภูเขาไฟ และบริเวณทั้งหมดเหนือสถานีที่ 8(8th Station)

 

หุบเขาคุโรเบะ(Kurobe Gorge) เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ตั้งอยู่ในป่าทางทิศเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ตัดผ่านแม่น้ำคุโรเบะ(Kurobe River) และนับเป็นหนึ่งในหุบเขาที่ลึกที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยแนวหน้าผาสูงชัน ป่าหนาทึบที่อุดมสมบูรณ์ และน้ำพุร้อนกลางแจ้ง ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่โด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบธรรมชาติ

 

วัดเมียวริวจิ(Myoryuji Temple) หรือวัดนินจา(Ninja Temple) ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเทระมาจิ(Teramachi) ทางตอนใต้ของเมืองคานาซาว่า(Kanazawa) สร้างขึ้นโดยขุนนางมาเอดะ(Maeda lords) วัดที่ได้สมญานามว่าเป็นวัดนินจา เนื่องจากภายในอาคารวัด สร้างสิ่งประดิษฐ์ต่างๆขึ้นเพื่อป้องกันและหลอกล่อศัตรู ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนินจาแต่อย่างใด อดีตเคยใช้เป็นด่านทหารปลอมสามารถป้องกันศัตรู มีเส้นทางหลบหนี อุโมงค์หลบภัย ห้องลับ กับดัก ทางเดินกับบันไดเขาวงกต และช่วยให้ทหารแจ้งเหตุไปยังป้อมปราการเมื่อมีการถูกโจมตี ซึ่งการทัวร์ชมจะต้องจองไกด์เพื่อให้คำอธิบายระหว่างทาง โดยมีคู่มือภาษาอังกฤษไว้ให้ศึกษา

 

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ(Shirakawago) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1995 เริ่มจากข้ามสะพานคนข้ามจากฝั่งป้ายรถบัสเพื่อข้ามไปยังฝั่งหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ส่วนบ้านที่เห็นตามหมู่บ้านชิราคาวาโกะนี้ เรียกว่าบ้านแบบกัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี สร้างในรูปแบบเหมือนการพนมมือ (หรือญี่ปุ่นเรียกว่า "กัสโซ่") มีโครงสร้างขนาดใหญ่และหลังคาสูงชัน เพื่อทนทานต่อความรุนแรงของหิมะในช่วงฤดูหนาวจะถูกปกคลุมด้วยหิมะสูงถึง 2 เมตรในช่วงหิมะตกหนัก ทำให้ภูมิทัศน์ไม่สวยงามเท่าฤดูอื่นๆ จึงประดับประดาแสงไฟสวยงามทั่วหมู่บ้านในเวลากลางคืนในวันเสาร์และวันอาทิตย์ของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์

 

กำแพงหิมะทาเทยาม่า คุโรเบะ(Tateyama Kurobe Alpine Route) เป็นเส้นทางที่น่าตื่นตาตื่นใจผ่านทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยระบบขนส่งต่างๆ เช่น เคเบิ้ลคาร์ รถโดยสาร รถบัส และกระเช้า เป็นต้น เส้นทางนี้เชื่อมต่อระหว่างเมืองโทยาม่า(Toyama) ในจังหวัดโทยาม่า กับเมืองโอมาจิ(Omachi) จังหวัดนากาโน่(Nagano) เส้นทางระหว่างสถานี Tateyama Station และ Ogizawa ทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาทาเทยาม่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชุบุซังงาคุ โดย นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลตลอดปี ในฤดูใบไม้ผลิจะมีหิมะที่สะสมอยู่ โดยเฉพาะส่วนบนของมิดางาฮาระ(Midagahara) และมูโรโดะ(Murodo) ส่วนของกำแพงหิมะรอบๆมูโรโดะจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าชมตั้งแต่กลางเดือนเมษายน-กลางเดือนมิถุนายน(ปี 2015 เริ่ม 16เมษายน – 22 มิถุนายน) ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนด้วยภูมิทัศน์อันงดงาม ดอกอัลไพน์(โดยเฉพาะเดือนมิถุนายน – สิงหาคม) และใบไม้เปลี่ยนสีรอบๆมูโรโดะ และไดคังโบะ(Daikanbo) ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม และใบไม้จะค่อยๆทยอยเปลี่ยนสีตามความลาดชันที่ต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

 

ปราสาทมัตสึโมโตะ(Matsumoto Castle) เป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิมที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และสวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น  (สร้างขึ้นในปี 1592-1614) เนื่องจากสร้างอยู่บนพื้นที่ราบ ในภาษาญี่ปุ่นจึงเรียกว่า ฮิราจิโระ(Hirajiro) ปราสาทแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่มีหอคอยและป้อมปืนเชื่อมต่อกับโครงสร้างอาคารหลัก และด้วยสีโทนมืดทำให้เกิดความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่และสุขุม จนได้รับฉายาว่าปราสาทอีกา(Fugashi-Jo) ภายในตกแต่งด้วยไม้ จุดที่น่าสนใจ ได้แก่ บันไดไม้สูงชัน ช่องเก็บหินสำหรับโจมตีศัตรู ช่องสำหรับธนู และหอสังเกตการณ์บนชั้น 6 ฤดูใบไม้ผลิประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปี ปราสาทมัตสึโมโตะจะเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมแห่งหนึ่ง ผู้คนจำนวนมากต่างมาเดินเล่นในสวนหย่อม และรอบๆปราสาท ซึ่งคูเมืองด้านนอกปลูกต้นซากุระสายพันธุ์โซเม โยชิโนะ(somei yoshino)ไว้หลายร้อยต้น

 

แหลมอิโรซากิ(Cape Irozaki) ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิซุ ที่ปลายใต้สุดของคาบสมุทร บริเวณแหลมแห่งนี้เป็นที่ตั้งของประภาคารอิโรซากิ(Irozaki lighthouse) และศาลเจ้าอิโระ(Iro Shrine)ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของชายฝั่งทะเล ชายฝั่งรอบๆแหลมอิโรซากิ สามารถล่องเรือเที่ยวชมโขดหิน และชายหาดที่สวยแปลกตาได้โดยใช้เวลาเพียง 25 นาที

 

พิพิธภัณฑ์ศิลปะบิจูสึคัง(MOA Museum of Art)  เปิดให้เข้าชมในปี 1982  ตั้งอยู่บนเนินเขาที่งดงามเหนือเมืองอะตามิ(Atami) ภายในจัดแสดงคอลเลกชั่นศิลปะที่น่าประทับใจของศิลปะญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออก ศิลปะที่จัดแสดงภายในที่เป็นสมบัติแห่งชาติมี 3 ชิ้น และมกดกทางวัฒนธรรมอีกมากมาย รวมถึงภาพวาด ผลงานการประดิษฐ์ตัวอักษร งานประติมากรรม และงานฝีมืออื่นๆ ภายนอกพิพิธภัณฑ์ยังมีสวนหย่อมสไตล์ญี่ปุ่นประกอบด้วยโรงชาและโรงละครโนห์อีกด้วย

 

ซูเซนจิออนเซน(Shuzenji Onsen) เป็นหนึ่งในเมืองน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งบนคาบสมุทรอิซุ ตั้งอยู่บนภูเขาใจกลางคาบสมุทร แต่ไม่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้ เมืองแห่งนี้ตั้งชื่อตามวัดซูเซนจิ(Shuzenji Temple) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมือง สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้แก่ ป่าไผ่ขนาดเล็ก ที่พักเรียวกังแบบโบราณ ร้านค้า และร้านกาแฟ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรงอาบน้ำสาธารณะฮาโคยุ(Hakoyu) ที่บริการห้องอาบน้ำแก่บุคคลทั่วไปในช่วงเวลากลางวัน

 

ศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุ(Kunozan Toshogu Shrine) มีบริเวณกว้างขวางและซับซ้อนด้วยอาคารจำนวนมากที่มีสีแดงสดใสแซมด้วยสีทองและการแกะสลักที่งดงามพร้อมภาพวาดบนประตูโรมอน(Romon Gate)ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวามือหลังจุดจำหน่ายตั๋ว เมื่อเดินผ่านประตูจะพบกับหอกลอง และโคมไฟทองแดงนำไปสู่ห้องโถงหลัก Haiden และ Honden ลึกเข้าไปในป่าเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพอิเอะยะสุ(Ieyasu) นอกบริเวณศาลเจ้าคือพิพิธภัณฑ์ของโชกุนคุโนซัง(Museum of Kunozan Toshogu) จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว และสมบัติอื่นๆจำพวกดาบ อาวุธ และเสื้อผ้า เป็นต้น

 

พิพิธภัณฑ์การรถไฟญี่ปุ่น(SCMAGLEV and Railway Park) เป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟของบริษัท Central Japan Railways(JR Central) เปิดให้เข้าชมในปี 2011 ให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของรถไฟความเร็วสูงในประเทศญี่ปุ่น และจัดแสดงรถไฟต่างๆ เช่น รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ รถไฟชินคันเซ็นหรือรถไฟหัวกระสุนที่ได้บันทึกไว้เป็นสถิติโลก และรถไฟแม่เหล็กหรือแม็กเลฟรุ่นล่าสุด (สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถเช่า audio guide ได้ในราคา 500 เยน)

 

อาคารทาคายาม่าจินยะ(Takayama Jinya) ทำหน้าที่เป็นสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่นประจำภูมิภาคฮิดะ(Hida Region) โดยเจ้าหน้าที่ ที่ส่งมาจากเอโดะในสมัยการปกครองของโชกุนโทคุงาวะ(Tokugawa Shogunate) ปี 1692 จนกระทั่งปี 1969 ปัจจุบันเปิดเป็น พิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนเข้าชมห้องเสื่อทาทามิที่ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี ซึ่งเดิมเป็นห้องประชุมสำนักงาน ที่อยู่อาศัย และห้องสอบสวน ข้างๆอาคารหลักเป็นที่ตั้งของโกดังข้าวขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในยุค 1600 ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงข้าวของและ เอกสารทางการของขุนนางศักดินา แผนที่ภูมิภาคฮิดะ และประวัติศาสตร์แผนเมือง เป็นต้น

 

เมืองงุโจ(Gujo Town) เป็นเมืองเล็กๆในชนบทที่มีบรรยากาศดั้งเดิม เทศกาลเต้นรำฤดูร้อน และสายน้ำบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่รู้จักกันดี ภายในเมืองเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์เล็กๆ แกลเลอรี่ วัดและศาลเจ้า เช่น วัดจิออนเซนจิ(Jionzenji Temple) ซึ่งมีสวนหย่อมสไตล์เซนที่สวยงามมีชื่อว่า”ลิตเติ้ลเกียวโต”

 

น้ำพุร้อนโอคุฮิดะ(Okuhida Hot Springs) มีชื่อเสียงอย่างมากสำหรับห้องอาบน้ำกลางแจ้งที่มองเห็นวิวโดยรอบของเทือกเขาแอลป์ทางทิศเหนือของญี่ปุ่น เมืองออนเซน 5 แห่งที่ตั้งอยู่ตามหุบเขาโอคุฮิดะก็จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง นำพุร้อนก็จะมีแร่ธาตุจากแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน

 

แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติคามิโคจิ(Kamikochi) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ณ จังหวัดนากาโน่(Nagano) เป็นทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เปิดบริการตั้งแต่กลาง/ปลายเดือนเมษายนจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน ก่อนจะปิดตัวในช่วงฤดูหนาว คามิโคจิมีที่ระยะทางยาว 15 กิโลเมตรในพื้นที่ราบสูงในหุบเขาแม่น้ำอาซุสะ(Azusa River Valley) สูงประมาณ 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง เช่น ภูเขานิชิโฮทาคาดาเกะ(Nishihotakadake) สูง 2,909 เมตร, ภูเขาโอคุโฮทาคาดาเกะ(Okuhotakadake) สูง 3,190 เมตร, ภูเขามาเอะโฮทาคาดาเกะ(Maehotakadake) สูง 3,090 เมตร และภูเขาไฟยาเกะดาเกะ(Yakedake)ซึ่งยังไม่ดับ สูง 2,455 เมตร

 

โครังเค(Korankei) เป็นหุบเขาติดภูเขาอิอิโมริ(Mount Iimori)สูง 254 เมตร ใกล้เมืองนาโงย่า ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง สำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงของภูมิภาคชุบุ เป็นที่ตั้งของวัดโคจาคุจิ(Kojakuji Temple) รอบๆวัดเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ล ทิวทัศน์ของใบไม้สีแดงเหลืองจะเกิดขึ้นประมาณกลางเดือน-ปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี จุดที่สวยที่สุดคือเส้นทางริมแม่น้ำโทโมเอะ(Tomoe River) ทิศตะวันตกและทิศใต้ของภูเขาอิอิโมริ ซึ่งมีสะพานไม้ไทเกะสึเคียว(Taigetsukyo Bridge) สะพานสัญลักษณ์ประจำโครังเคที่เป็นจุดถ่ายภาพที่งดงามนั่นเอง และในช่วงเทศกาลในเดือนพฤศจิกายน จะมีการจัดแสงไฟประดับสะพาน ระหว่างเวลา 17:00-21:00 และการแสดงดนตรีที่พื้นที่โล่งโครังเคฮิโรบะ(Korankei Hiroba) อีกด้วย

 

ปราสาทนาโงย่า(Nagoya Castle) สร้างขึ้นในยุคเริ่มต้นสมัยเอโดะ อาคารปราสาทส่วนใหญ่ถูกทำลายในการโจมตีทางอากาศในปี 1945 ต่อมาได้รับการฟื้นฟูสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กในปี 1959 จนมาถึงปัจจุบัน ภายในมีพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัย จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท สวนหย่อมรอบปราสาทแบ่งเป็น 2 ชั้น คือคูเมือง และกำแพงป้อมปราการ ซึ่งเป็นจุดชมดอกซากุระบานในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน ในปี 2009 ได้เริ่มโครงการสร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ โดยใช้วัสดุก่อสร้างและเทคนิคการสร้างแบบดั้งเดิม ส่วนแรกที่เริ่มสร้างคือทางเข้าและห้องโถงหลัก ตกแต่งด้วยประตูบานเลื่อนวาด ด้วยภาพสวยงาม และเปิดให้เข้าชมในปี 20013 ส่วนอื่นๆที่เหลือจะเปิดในปี 2016 และ 2018 ตามลำดับ

 

พิพิธภัณฑ์และโรงงานโตโยต้า(Toyota Factory Tour and Museums) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองนาโงย่าไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1 ชั่วโมง สำนักงานใหญ่คือ Toyota Kaikan Museum ภายในจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากบริษัทโตโยต้ารุ่นใหม่ๆ และเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงหุ่นยนต์ด้วย นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ไคคัน ยังเป็นจุดนัดพบสำหรบทัวร์โรงงาน ซึ่งทัวร์จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกวัน จันทร์-ศุกร์ ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ตลอดระยะเวลาการทัวร์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

 

สวนเค็นโรคุเอ็น(Kenrokuen Garden) ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 ของสวนที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของประเทศญี่ปุ่น พื้นที่ภายในสวนเค็นโรคุเอ็นนั้น ประกอบไปด้วยวิวทิวทัศน์ของบ่อนํ้า หุบเขาอันสวยงามและบ้านหลังน้อยใหญ่ที่ใช้ในการผลิตชานั่นเอง ความหมายของคำว่า “เค็นโรคุ” คือ สวนที่มีองค์ประกอบที่ดี 6 อย่างด้วยกัน ก็คือพื้นที่ที่กว้างขวาง, บรรยากาศที่เงียบสงบ, ความลงตัว, ความเป็นมาอันยาวนาน, แหล่งนํ้า, และทัศนียภาพล้อมรอบที่สวยงามตระการตา นักท่องเที่ยวสามารถดื่มดํ่าและผ่อนคลายไปกับบรรยากาศของสวนเค็นโรคุเอ็นที่ผลัดเปลี่ยนมีความสวยงามแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาลได้

 

 

 

 

 

 

 







Copyright © 2012 All Rights Reserved.
 

TAT No. 11/09781
บริษัท เจแปน ไกด์ จำกัด

Japan Guide Company Limited

300 ซอยอ่อนนุช 10 ถนนสุขุมวิท แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
300 Soi Onnut 10, Sukhumvit Road, Suanluang, Suanluang, Bangkok 10250, Thailand
Tel. 02-3312856 (Auto) Fax. 02-7426912
E-mail: admin@japanguide.co.th