# รวมข้อมูลการท่องเที่ยว โทโฮคุ(Tohoku) #
โทโฮคุ(Tohoku) – สภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใครของเขตโทโฮะคุเกิดจากภูมิประเทศที่ซับซ้อนของพื้นที่ การรักท้องถิ่นของคนในท้องที่สามารถเห็นได้จากบรรยากาศอันอบอุ่นและความนิยมของ “เทศกาล” โทโฮะคุยังเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในช่วงฤดูร้อนทุ่งนาที่เรียงกันสวยงามก่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง ทางเหนือของโทโฮะคุเป็นพื้นที่เหนือสุดของเกาะฮอนชู ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด:อะโอโมริ,อะคิตะและอิวะเทะ พื้นที่นี้อุดมไปด้วยธรรมชาติรวมถึงป่าชั้นหนึ่งซึ่งเป็นมรดกโลกด้วย ทางตอนใต้ของโทโฮะคุประกอบด้วย เซนได ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโทโฮะคุซึ่งถูกเรียกว่า “เมืองหลวงป่าไม้” และฟุคุชิม่าซึ่งมีเมืองไอซุวะคะมัตสึ,เมืองเก่าที่รุ่งเรืองในอดีต,ตั้งตระหง่านเหนือภูเขาบันได
วัดชูซนจิ(Chusonji Temple) ตั้งอยู่ในเมืองฮิราอิซูมิ(Hiraizumi) เป็นสถานทีท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของพระพุทธศาสนานิกายเทนได ที่มีการสร้างอาคารต่างๆกว่าสิบหลังในพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่หลังจากการล่มสลายของตระกูลฟูจิวาระ จึงเหลืออาคารดั้งเดิมเพียง 2 หลังอาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ อาคารคอนจิคิโดะ(Konjikido) มีลักษณะคล้ายกับศาลทองคำของวัดคินคะคุจิ ในเมืองเกียวโต และห้องโถงเคียวโซะ(Kyozo Hall) ใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ที่ถูกสร้างขึ้นก่อนอาคารคอนจิคิโดะถึง 16 ปี
วัดโมสึจิ(Motsuji Temple) เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ของนิกายเทนได เช่นเดียวกันกับวัดชูซนจิ(Chusonji Temple) ภายในวัดมีสวนดินบริสุทธิ์ เป็นสวนสไตล์ที่นิยมสร้างในสมัยยุคเฮอัน ซึ่งสร้างตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนา เรียกว่าดินบริสุทธิ์ หรือ สวรรค์ของชาวพุทธ ภายในสวนจะมีสระน้ำขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลาง และยังเป็นสถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับกวีกลอนไฮกุผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง Basho ในการเขียนบนกลอนที่มีชื่อเสียงที่สุด
เกาะทาชิโระ(Tashiro Island) เป็นเกาะขนาดเล็ก ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเมืองอิชิโนมากิ มีชื่อเรียกเล่นๆว่า “เกาะแมว” เนื่องจากบนเกาะแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของแมวหลายร้อยตัว โดยเริ่มจากการที่ชาวประมงนำแมวมาช่วยควบคุมศัตรูพืชในฟาร์มไหมบนเกาะ จากนั้นแมวกเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพราะความน่ารักของแมว จึงดึงดูดให้คนรักแมวจากทั่วทุกมุมโลกต่างเดินทางมาเยี่ยมชมเกาะทาชิโระแห่งนี้
ชายหาดโจโดงาฮามะ(Jodogahama Beach) เป็นชายหาดที่สวยงามตั้งอยู่นอกเมืองมิยาโกะในจังหวัดอิวาเตะ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ชายหาดแห่งนี้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีเส้นทางการเดินไปยังชายหาด ท่าเรือ และจุดชมวิวในป่าสน และมีกิจกรรมสำคัญที่เป็นที่นิยม คือการล่องเรือเที่ยวชม ซึ่งเป็นเรือขนาดเล็ก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมคามาอิชิ(Kamaishi Daikannon) เป็นรูปปั้นสูง 48.5 เมตร ตั้งอยู่บนคาบสมุทรทางใต้ของเมืองคามาอิชิ ซึ่งเจ้าแม่กวนอิมกำลังยืนถือปลาหันหน้าออกสู่ทะเล เพื่อดูแลชาวประมงในเมืองคามาอิชิให้จับปลาได้จำนวนมาก ภายในรูปปั้นสามารถทำการเข้าชม โดยเดินผ่านรูปปั้นเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้ง 7 ด่านฟ้าสามารถมองเห็นอ่าวคามาอิชิได้แบบ 360 องศา
ตลาดปลามิยาโกะ (Miyako Fish Market) ตลาดสาธารณะที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง และไม่ได้รับความเสียหายในเหตุการณ์สึนามิปี 2011 ภายในตลาดเต็มไปด้วยร้านขายปลาทุกประเภท อาหารทะเลต่างๆ ผักสด และผลไม้ ซึ่งอาหารทะเลที่สดใหม่จะถูกนำเข้ามาจากท่าเรือมิยาโก รวมถึงอาหารพื้นเมืองต่างๆ และยังมีพื้นที่สำหรับครอบครัวเกษตรกรในท้องถิ่นนำผลผลิตในครัวเรือนออกมาวางขายแก่ชาวบ้านอีกด้วย
ศาลเจ้าชิโองามะ(Shiogama Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโต ทางเข้าเป็นบันไดกว่า 200 ขั้นขึ้นไปยังเนินเขา ซึ่งถือเป็นอดีตศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของภูมิภาค ภายในศาลเจ้าประกอบด้วยอาคารโบราณที่สร้างในสมัยเอโดะ 15 หลัง มีการจัดงานเทศกาลและกิจกรรมต่างๆตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคม มีการจัดการแข่งขันขี่ม้ายิงธนู และงานเฉลิมฉลองอุตสาหกรรมเกลือ เป็นเทศกาลที่มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก และศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นจุดชม ดอกซากุระที่มีต้นซากุระมากกว่า 300 ต้น รวม 20 สายพันธุ์ ซึ่งจะบานตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม และจะมีการเปิดไฟประดับประดาตั้งแต่ ตอนเย็นถึงเวลา 22:00 และจัดงานเทศกาลดอกซากุระในวันอาทิตย์ที่ 4 ของเดือนเมษายน
สวนสาธารณะฮิโยริยาม่า(Hiyoriyama Park) ตั้งอยู่บนเนินเขาในใจกลางเมืองอิชิโนมากิ สูง 56 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทั่วทั้งเมืองอิชิโนมากิรวมทั้งแม่น้ำกิตะคามิ(Kitakami River) สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อสำหรับชมดอกซากุระที่มีมากกว่า 400 ต้นตามทางลาดชัน ซึ่งจะบานในฤดูใบไม้ผลิช่วงกลาง-ปลายเดือนเมษายน และยังมีศาลเจ้าคาชิมะ(Kashima Shrine)ซึ่งส่วนใหญ่พ่อค้าจะเข้าไปอธิษฐานเพื่อให้ออกทะเลได้อย่างปลอดภัย
หุบเขาเกอิบิ(Geibi Gorge) เป็นหุบเขาที่มีความสวยงามในแต่ละฤดูที่มีความแตกต่างกัน ใกล้กับหุบเขาเกนบิเค(Genbikei Gorge) นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมหุบเขาได้อย่างสบายๆบนเรือพื้นแบน ล่องไปตามลำน้ำประมาณ 90 นาที ไกด์จะอธิบายข้อมูลเป็นภาษาญี่ปุ่น และมีการร้องเพลงพื้นบ้าน ประจำท้องถิ่นเพื่อความบันเทิง ระหว่างทางจะมองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่น่าประทับใจ เต็มไปด้วยผาสูง และก้อนหินตลอดเส้นทาง ทัวร์ล่องเรือจะเดินทางไปประมาณ 1 กิโลเมตรเข้าไปยังหุบเขาแล้วกลับออกมา ตลอด 2 ฝั่งของการล่องเรือ สามารถซื้อขนมเพื่อให้อาหารปลาที่ว่ายอยู่ข้างๆเรือได้ และนอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อหินโชคดีก้อนเล็กๆเพื่อโยนไปยังหน้าผาฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเพื่อขอพรในจุดแวะพักเพื่อเดินชมหุบเขา ทิวทัศน์หุบเขาจะสวยงามและน่าสนใจตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งใบไม้จะเปลี่ยนสีทั้งหมดในปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน และประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ดอกวิสเทอเรียจะบานสะพรั่ง บริเวณท่าเรือยังมีร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึก และร้านอาหารเปิดให้บริการอีกด้วย
เมืองโออูจิจูคุ(Ouchijuku) เป็นเมืองบนเส้นทางการค้าอาอิซุนิชิไคโดะ(Aizu-Nishi Kaido trade route) ซึ่งเชื่อมต่อเมืองอิซุกับนิกโก้ในช่วงสมัยเอโดะ ปัจจุบันนี้บ้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบมุงหลังคายังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี และดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านพักแบบโฮมสเตย์ต่างๆ อาหารยอดนิยมคือบะหมี่โซบะ และปลาเทร้าต์ย่าง
ปราสาทสึรุกะ(Tsuruga Castle) ถูกสร้างขึ้นในปี 1384 มีการเปลี่ยนผู้ปกครองมาหลายครั้งในช่วงที่ยังเป็นภูมิภาคอาอิซุ และถูกทำลายลงหลังจากเกิดสงครามโบชิน(Boshin war) ปี 1868 ซึ่งเกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลสมัยเมจิ ทำให้สิ้นสุดยุคศักดินายึดอำนาจท่านโทคุกาว่าโชกุน ต่อมาปราสาทได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ด้วยคอนกรีตในปี 1960 เสร็จสมบูรณ์ในปี 2011 หลังคาเดิมซึ่งเป็นสีเทากลับกลายเป็นสีแดง เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับปราสาทแห่งอื่นในญี่ปุ่น
หมู่บ้านคิตะคาตะราเมน(Kitakata ramen) จากจังหวัดฟุกุชิมะ มีลักษณะเป็นซุปใส ปรุงรสด้วยโชยุ ส่วนใหญ่จะใช้น้ำซุปกระดูกหมู น้ำสต๊อกไก่ ปลาซาดีนแห้ง และเส้นจะมีลักษณะแบน และหยัก โดยทั่วไปจะโรยหน้าด้วยต้นหอม ลูกชิ้นปลา และเนื้อหมูตุ๋น ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามอันดับต้นของราเมนญี่ปุ่น เส้นนุ่มอ้วนกลมผสมผสานกับน้ำซุปโชยุอย่างลงตัวจนมาเป็นราเมนคิตาคาตะที่แสนพิเศษ ซึ่งหมู่บ้านราเมนนี้ จะมีหลายร้านที่เป็นต้นตำหรับ บางร้านมีอายุกว่า 50ปี
หนองน้ำโกะชิคินุมะ(Goshiki nama) ที่ตั้งอยู่ที่อุระบันไดบนตีนเขาบันได จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหลายโทนสี ที่นี้มีชื่อทางการว่า หมู่ทะเลสาบหนองน้ำโกะชิคินุมะ เพราะประกอบด้วยหนองน้ำมากมาย เช่น หนองน้ำบิดามงนุมะ, หนองน้ำอากะนุมะ และหนองน้ำมิโดรินุมะ ในเวลาที่อากาศแจ่มใส อาจมองเห็นถึงภูเขนบันได สามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลได้ที่นี่ ที่อุนะบันได จะสามารถชื่นชมกับพืชพรรณที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูทั้งสี่ ช่วงตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อนจะสามารถชมทุ่งดอกเดย์ลิลลี่ได้
บันไดอาซุมะ-สกายไลน์(Bandai Azuma Skyline) บันไดอาซุมะ-สกายไลน์ เป็นชื่อถนนเส้นทางพิเศษ ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เป็นเส้นทางที่เหมาะกับการขับรถชมใบไม้แดงเป็นอย่างยิ่ง สูงจากระดับน้ำทะเล 1500 ม. และมีความยาวทั้งสิ้น 29 กม. เชื่อมระหว่างแหล่งน้ำพุร้อนทากายุ ใน เมืองฟุกุชิมะกับเส้นทางขึ้นภูเขาทสึจิยุ จาก จุดชมวิวอาซุมะฮักเก มองลงมาจะเห็นป่าใบไม้แดงที่แสนงดงาม ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยว จากทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก เดินทางมาชื่นชมความงดงามของที่นี่ น้ำพุร้อนที่อยู่ในละแวกนั้น ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปด้วย
หุบเขานารูโกะ(Naruko Gorge) เป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดมิยากิ ห่างจากเซนไดประมาณ 70 กิโลเมตร และห่างจากนารูโกะออนเซนเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ทุกปีในช่วงปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนทั่วทั้งบริเวณหุบเขาจะงดงามด้วยสีสันของใบไม้ นับว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นิยมมากที่สุดของภูมิภาคเลยทีเดียว หุบเขาแห่งนี้กินพื้นที่ยาว 2 กิโลเมตรจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก จุดชมธรรมชาติที่ดีที่สุดคือบริเวณศาลา Narukokyo Resthouse เรื่อยไปทางทิศตะวันตกของหุบเขา ทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งคือสะพานโอฟุคาซาว่า(Ofukazawa Bridge) ที่มองเห็นได้จากดาดฟ้าชมวิวที่ตั้งอยู่ข้างศาลา
ปราสาทฮิโรซากิ(Hirosaki Castle) ถูกสร้างขึ้นในปี 1611 โดยตระกูลซูการุ โครงสร้างปราสาทมีทั้งหมด 3 ชั้น ประกอบด้วย คูปราสาท ป้อม ประตูปราสาท และป้อมตามมุมปราสาท ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะฮิโรซากิที่มีพื้นที่ประมาณ 0.6 ตารางกิโลเมตร โครงสร้างปราสาทเดิมที่มีทั้งหมด 5 ชั้น ถูกไฟไหม้จากเหตุการณ์ฟ้าผ่าในปี 1627 และได้สร้างขึ้นใหม่ในปี 1810 ให้กลายเป็นแบบ 3 ชั้นในปัจจุบัน สวนสาธารณะฮิโรซากิเป็นหนึ่งในจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น รอบๆบริเวณปราสาทเต็มไปด้วยต้นซากุระที่มีมากกว่า 2,500 ต้นหลากหลายสายพันธุ์ เสมือนอุโมงค์ดอกซากุระ พร้อมพื้นที่สำหรับนั่งปิกนิก มีบริการเช่าเรือพาย และเมื่อตกเย็นก็จะเปิดไฟประดับประดาสวยงาม โดยเทศกาลดังกล่าวจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน – 5 พฤษภาคม เป็นประจำทุกปี
ย่านชุมชนซามูไรเมืองคาคุโนดาเตะ(Kakunodate Samurai District) ประกอบด้วยบ้านพักอาศัยประมาณ 80 หลังคาเรือน ซึ่งเป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมซามูไรแบบดั้งเดิมอันเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น บริเวณชุมชนมีถนนกว้างขวาง เรียงรายด้วยต้นซากุระที่จะบานสะพรั่งในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ถือเป็นจุดชมดอกซากุระที่นิยมแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวอีกด้วย ปัจจุบันมีบ้านเพียง 6 หลังที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมภายในบ้าน มีทั้งครอบครัวชนชั้นกลางและครอบครัวซามูไรที่ร่ำรวย โดยเฉพาะบ้านอาโอยากิ(Aoyagi House), และบ้านอิชิกูโระ(Ishiguro House)
อ่าวมัตสึชิมะ(Matsushima Bay) เป็น 1 ใน 3 สุดยอดจุดชมวิวของญี่ปุ่น Nihon Sankei ประกอบด้วยเกาะเล็กๆกว่า 200 เกาะที่ปกคลุมด้วยป่าสน วิธีที่ดีที่สุดในการชมอ่าวคือการล่องเรือ โดยมีบริษัทเรือให้บริการคอร์สเที่ยวชมไม่เหมือนกัน ซึ่งจะเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ท่าเรือมัตสึชิมะ หรือท่าเรือชิโอกามะ ส่วนเส้นทางที่ไกลกว่านี้จะออกไปยัง Oku-Matsushima เป็นพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 25-50 นาที
ปล่องภูเขาไฟโอคาม่า(Okama Crater) ตั้งอยู่บนภูเขาไฟซาโอะ(Mount Zao) ที่ความสูง 1,841 เมตร ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่โดดเด่นที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ปล่องภูเขาไฟที่นี่มีทะเลสาบสีฟ้าสวยงามตั้งอยู่ เรียกว่า โอคาม่า มีลักษณะคล้ายหม้อหุงต้มแบบดั้งเดิม นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินเข้าใกล้ได้ เพียงแต่มองจากระยะไกลๆในช่วงนอกฤดูหนาวเท่านั้น
ลำธารโออิราเซะ(Oirase Stream) เป็นลำธารจากภูเขาที่งดงามในจังหวัดอาโอโมริ ซึ่งเป็นจุดชมใบไม้ร่วงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ลำธารแห่งนี้ไหลไปตามหุบเขาโออิราเซะ(Oirase Gorge) ท่ามกลางต้นไม้อันเขียวชอุ่มในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเฉดเหลืองแดงในฤดูใบไม้ร่วงประมาณปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน ระหว่างทางมีน้ำตกซึ่งไหลออกมาจากผนังของหุบเขากว่า 12 แห่งด้วยกัน ลำธารโออิราเซะเป็นทางระบายน้ำจากทะเลสาบโทวาดะ(Lake Towada) โดยเริ่มต้นจากเนโนคูจิ(Nenokuchi, มีป้ายรถเมล์ และท่าเรือ)เชื่อมต่อไปยังเมืองยาซูมิยะ(Yasumiya) นักท่องเที่ยวสามารถเดินป่าไปตามเส้นทางเลียบลำธารตอนบนระหว่าง Nenokuchi และ Ishigedo ซึ่งมีระยะทาง 9 กิโลเมตร เป็นเส้นทางง่ายๆใช้เวลาไปกลับประมาณ 5 ชั่วโมง